ทำลายแมลงศัตรูพืช กำจัดเพลี้ยต่างๆ หัวเชื้อราบิวเวอร์เรียเข้มข้น 50กรัม เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น ไรแดง ฆ่าหนอน
เชื้อราบิวเวอเรีย 50 กรัม
ต่างๆเป็นกลุ่มเชื้อรา จากธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยบิวเวอร์เรียจะแทงเส้นใย เข้าสู่ผนังลำตัวแมลง และกินของเหลวภายในตัวแมลงเป็นอาหาร และเจริญเส้นใยสีขาวปกคลุมตัวแมลง
เชื้อราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) เป็นเชื้อรากำจัด ทำลายแมลง โดยผลิตเอนไซม์ที่เป็นพิษต่อแมลงศัตรูพืช และเป็นเชื้อราที่กินเศษซากพืชซากสัตว์ที่ผุพัง
ทำลายแมลงได้หลายชนิด โดยส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อรา สปอร์ จะสัมผัสและแทงเส้นใยทะลุตัวแมลง ทำให้แมลงมีอาการผิดปกติ อ่อนแอ จนแมลงตายในที่สุด
ลักษณะที่พบคือ แมลงจะแห้งและแข็ง เชื้อราที่เข้าทำลายแมลงจะขยายพันธุ์อีกครั้งและขึ้นปกคลุมตัวแมลง พร้อมแพร่กระจายสปอร์ต่อไปอีกในธรรมชาติ
คุณสมบัติของเชื้อราบิวเวอเรีย
เชื้อรามีคุณสมบัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อแมลง สามารถทำลายแมลงได้หลายชนิด โดยเชื้อราจะเจริญเติบโต แทงทะลุตัวแมลง โดยผลิตเอสไซม์ที่เป็นพิษและทำลายแมลงศัตรูพืช แมลงจะไม่ตายทันที (แต่จะตายภายใน 3-7 วัน)
ทำให้เป็นพาหะ นำเชื้อไปติดต่อกับแมลงตัวอื่นที่มาใกล้/สัมผัส เชื้อรายังอาศัยและกินเศษซากที่ผุพังของแมลงที่ตายแล้ว (สังเกตจะมีเส้นใยสีขาวปกคลุมซากแมลงที่ตาย) และสามารถแพร่เชื้อต่อไปได้อีก
ชนิดแมลงศัตรูพืช ที่ใช้บิวเวอร์เรียควบคุม:
- เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น
- เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
- แมลงหวี่ขาว ไรแดง
- ผีเสื้อ หนอนเจาะสมอฝ้าย
- หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้ใบข้าว
- แมลงปีกแข็งต่างๆ
การเข้าทำลายแมลง ของเชื้อราบิวเวอเรีย
1. สปอร์เชื้อราเข้าสู่ตัวแมลงทางผนังลำตัว รูหายใจ บาดแผลบนผนังลำตัว มีความชื้นเหมาะสมกับการงอก สปอร์จะแทงทะลุผิวหนังลำตัว เชื้อราจะงอกสู่ช่องว่างลำตัวแมลงเจริญเติบโตสร้างเส้นใยมากมาย ทำลายแมลง
2. เมื่อแมลงตาย เส้นใยจะแทงผ่านผนังลำตัว ออกสู่ภายนอกตัวแมลง
3. สปอร์จะแพร่กระจายไปตามลม ฝน หรือติดไปกับตัวแมลง เชื้อราจึงสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม ก็จะทำลายแมลงศัตรูต่อไป
ลักษณะอาการของแมลง ที่ถูกเชื้อราบิวเวอเรียเข้าทำลาย
1. แมลงที่ถูกทำลาย จะแสดงอาการของการเป็นโรคคือ เบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง อ่อนเพลีย และไม่เคลื่อนไหว
2. สีผนังลำตัวแมลงมักจะเปลี่ยนไป ปรากฎจุดสีดำ บนบริเวณที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
3. พบเส้นใย และผงสีขาวของสปอร์ปกคลุมตัวแมลงที่ถูกเชื้อราเข้าทำลาย
วิธีใช้: การฉีดพ่น
1. เชื้อราบิวเวอร์เรีย 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร
2. สารจับใบ 1-2 ช้อนชา
3. ควรฉีดพ่น หลังให้น้ำ ประมาณ 1 ชั่วโมง ความชื้นจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเชื้อบิวเวอร์เรีย
4. พ่นให้ถูกตัวแมลง ศัตรูพืช หรือบริเวณที่แมลงศัตรูพืชอาศัย
5. ควรฉีดพ่นช่วงเวลาเย็น โดยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการงอกและเจริญเติบโตของเชื้อราคือ ความชื้นสูง และแดดอ่อน
4. ให้น้ำกับแปลงพืช ในวันรุ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความชื้น
5. สำรวจแปลงพืช ถ้ายังพบศัตรูพืชเป้าหมาย ให้พ่นเชื้อราบิวเวอเรียซ้ำ
++++++++++
คุณสมบัติที่ดีของเชื้อราบิวเวอร์เรีย
1. เพาะเลี้ยงได้ง่าย สามารถเลี้ยงได้บนเมล็ดธัญพืช
2. มีความคงทนในสภาพแวดล้อมสูง
3. วิธีใช้ละลายเชื้อราผสมน้ำฉีดพ่น
4. แพร่กระจายได้ง่าย โดยปลิวไปกับลม หรือติดไปกับคน สัตว์ หรือแมลงต่างๆ
ข้อจำกัด: ของการใช้บิวเวอร์เรียในควบคุมศัตรูพืช
- ความร้อนและความแห้ง ของอากาศ มีผลกระทบต่อการงอก การอยู่รอด ความคงทนของเชื้อรา และประสิทธิภาพการควบคุมศัตรูพืช
- ความชื้นจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยที่ดีกว่า
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
1. อุณหภูมิ 20-27 องศาเซลเซียส
2. ความชื้นสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
3. แสงแดดรังสียูวี มีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ข้อดี: ของการใช้บิวเวอร์เรียในควบคุมศัตรูพืช
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
- เป็นปัจจัยหนึ่งของการควบคุมศัตรูพืชแบบผสมผสาน
- ไม่มีพิษตกค้าง ใช้ได้ทุกระยะของการเจริญเติบโตของพืช
ระยะการใช้:
+ ฉีดพ่น 3 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง
เพื่อทำลายแมลง ศัตรูพืช ช่วงระบาด
+ ฉีดพ่น 7 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน
เพื่อป้องกันการระบาดของแมลง
**เทคนิคการใช้ให้ได้ผลดี:
1. ควรฉีดพ่นให้สัมผัสกับตัวแมลง
2. ควรฉีดพ่นตอนเย็นเพื่อเลี่ยงแสงแดด ฉีดพ่นหลังรดน้ำ ความชื้นจะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
3. ควรใส่สารจับใบ เพื่อการกระจายตัวของเชื้อ และการยึดเกาะได้ดีขึ้น
4. ควรปรับหัวฉีดเป็นละอองฝอยเล็ก
5. ควรฉีดพ่น 3 วัน/ครั้ง ติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง ในช่วงที่แมลงเกิดการระบาด
6. สามารถใช้ร่วมกับอาหารเสริมพืช ยาฆ่าแมลงได้
7. ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมีกำจัดโรคพืช จะไปยับยั้งการทำงานของเชื้อ
(เว้นระยะห่าง 7 วัน)
8. ไม่ควรใช้ร่วมกับบีเอสพลัส และไบโอไตรโค จะไปยับยั้งการทำงานของเชื้อ
(เว้นระยะห่าง 10 วัน)